ประโยชน์ของทับทิม ผลไม้ที่มีเมล็ดสีแดงสวยอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย กินสดก็อร่อยหรือนำไปคั้นเป็นน้ำทับทิมก็ดื่มเพลิน เสริมสุขภาพอย่างฟิน ๆ
ทับทิมเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้านและที่สำคัญทับทิมยังมีรสชาติอร่อยไม่ว่าจะกินสดๆหรือนำมาคั้นเป็นน้ำทับทิมก็ตามและหากใครอยากรู้ประโยชน์ของทับทิมอย่างชัดๆวันนี้กระปุกดอทคอมจัดให้แล้วค่ะมาดูกันว่าสรรพคุณของทับทิมมีดียังไงพร้อมกับทำความรู้จักทับทิมไปด้วยในตัว
ทับทิม ผลไม้ในตำนาน
ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากว่าพันปีโดยต้นกำเนิดของทับทิมจะอยู่ทางแถบประเทศอิหร่าน อียิปต์ และได้แพร่ขยายไปยัง ประเทศอื่นๆในเวลาต่อมาดังจะเห็นได้ว่าทับทิมเป็นผลไม้มงคลที่แฝงไปด้วยความเชื่อต่างๆจากหลายวัฒนธรรมประเพณีเช่นชาวกรีกทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์ชาวยิวถือว่าทับทิมเป็นผลไม้ศักสิทธิ์ส่วนชาวฮินดูถือว่าทับทิมเป็นผลไม้โปรดของพระพิฆเณศส่วนชาวจีนมีความเชื่อว่าทับทิมเป็นไม้มงคลใบหรือกิ่งทับทิมก็มีอำนาจไล่ภูตผีปีศาจจึงนิยมปลูกทับทิมไว้ในบริเวณบ้าน เป็นต้น
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ของทับทิม
ทับทิมเป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 4-6เมตรทรงพุ่มโปร่งมีหนามแหลมตามกิ่งก้านใบเดี่ยวขนาดเล็กรูปใบยาวปลายแหลมโคนสอบแคบ ปลายใบกว้างใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกันดอกของทับทิมออกตามปลายกิ่ง ดอกมีสีแดงหรือสีขาวและมีทั้งแบบดอกเดี่ยวและเป็นช่อดอกโดยกลีบดอกจำนวนเท่าๆกับกลีบรองผลกลมโตผิวนอกแข็งเป็นมัน สีเขียวอมเหลืองสีแดงอมน้ำตาลหรือสีทับทิมเมื่อแก่จะแตกอ้าออกเมล็ดมีเนื้อเยื่อใสสีขาวอมชมพูหรือสีแดงหุ้มอยู่ มีรสเปรี้ยวอมหวาน
ทั้งนี้ชื่อวิทยาศาสตร์ของทับทิมคือ Punica granatum Linn.เป็นพืชในวงศ์PUNICACEAE และทับทิม ภาษาอังกฤษจะเรียกว่าPomegranate นอกจากนี้ทับทิมยังมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นด้วยนะคะ เช่น พิลา(หนองคาย) พิลาขาว มะก่องแก้ว(น่าน) มะเก๊าะ(เหนือ) หมากจัง(แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม มีดียังไง
ประโยชน์ของทับทิมเป็นได้ทั้งผลไม้เพื่อสุขภาพและตำรับยารักษาโรคกันเลยล่ะค่ะโดยประโยชน์ของทับทิมด้านสุขภาพก็มีดังนี้
1. อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย
เมล็ดทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมจากน้ำตาลธรรมชาติโดยเมล็ดทับทิมปริมาณ1 ถ้วยตวง (174 กรัม) จะประกอบไปด้วย...
- ไฟเบอร์ 7 กรัม
- โปรตีน 3 กรัม
- วิตามินซี 30% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินเค 36% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- โฟเลท 16% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- โพแทสเซียม 12% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- น้ำตาลธรรมชาติ ประมาณ 24 กรัม
นอกจากนี้ในเมล็ดทับทิมยังมีกรดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างวิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการและในปริมาณ1ถ้วยตวง(174 กรัม) ทับทิมให้แคลอรีประมาณ 144 กิโลแคลอรีค่ะ
2. สารต้านอนุมูลอิสระสูง
น้ำที่คั้นได้จากเนื้อทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากโดยสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมจะเป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโธไซยานินและจากการวิจัยก็ค้นพบว่าน้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเป็น3เท่าของไวน์แดงและชาเขียวและสูงกว่าน้ำบลูเบอร์รีน้ำแครนเบอร์รีน้ำองุ่นสีม่วงและน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆเมื่อเทียบในปริมาณที่เท่ากัน
ที่สำคัญไปกว่านั้นในเปลือกและน้ำของทับทิมจะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษที่ชื่อว่า สารพูนิคาลาจิน(Punicalagin)ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถป้องกันโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระได้หลายโรครวมไปถึงภาวะอักเสบต่าง ๆ ด้วย
3. ช่วยลดการอักเสบ
นอกจากสารพูนิคาลาจิน(Punicalagin) แล้วในเปลือกทับทิมยังมีสารช่วยลดการอักเสบที่ชื่อว่ากรดเอลลาจิแทนนินโดยจากการทดลองพบว่าสารจากเปลือกทับทิมสามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของการแข็งตัวของหลอดเลือดต่างๆในร่างกายเมื่อเกิดการอักเสบขึ้นในจุดนั้นๆอีกทั้งการทดลองสารสกัดด้วยเมทานอลผสมน้ำจากผลทับทิมและกรดไขมันจากเมล็ดทับทิมก็พบว่าสารที่สกัดได้จากส่วนของทับทิมดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยพบว่ามีกลไกการออกฤทธิ์หลายแบบทั้งช่วยยับยั้งการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบและกดการทำงานของเอนไซม์ที่กระตุ้นการสังเคราะห์สารที่ทำให้เกิดการอักเสบได้
อย่างไรก็ดี มีบันทึกทางการแพทย์ทางเลือกที่สหรัฐอเมริกาาว่ามีการใช้สารสกัดจากน้ำทับทิมรักษาโรคที่เกิดจากการอักเสบเช่นโรคข้อรูมาตอยด์แล้วด้วยนะคะ
4. ป้องกันไข้หวัด
ข้อมูลจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่าสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) และฟลาโวนอยด์ในผลทับทิมมีฤทธิ์ต้านไวรัสโรคหวัดโดยสามารถยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ฮ่องกง(H3N2)ในคนในหลอดทดลองได้
5. ลดความดันเลือด ป้องกันโรคหัวใจ
สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในทับทิมมีส่วนช่วยป้องกันไขมันชนิดไม่ดีโดยช่วยกำจัดไขมันเลวโดยตรงและยังช่วยยับยั้งการออกซิเดชั่นของไขมันเลวทำให้ไขมันเลวไม่สามารถเกาะผนังเลือดได้ ทั้งนี้จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าสารสกัดจากน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจเนื่องจากมีส่วนช่วยลดความข้นของเลือดอันเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากน้ำทับทิมมีส่วนช่วยให้เลือดสูบฉีดไปยังหัวใจได้ดีขึ้นโดยสารในน้ำทับทิมมีฤทธิ์ลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติด(Carotid endarterectomy)ช่วยลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากไขมันในเลือดสูงลดความดันเลือดโดยหยุดการสะสมไขมันและสลายไขมันสะสมที่หลอดเลือด
อีกทั้งสารในน้ำทับทิมยังช่วยลดปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระลงได้ครึ่งหนึ่งและสามารถลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจนอกจากนี้น้ำทับทิมยังลดปริมาณพลัค (Plaque)ในหลอดเลือดแดงใหญ่และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลดีในร่างกายได้อีกด้วย
6. ช่วยกระตุ้นความจำ
มีงานวิจัยที่ทดลองให้สารสกัดผลทับทิมแก่ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดในปริมาณ 2 กรัมแล้วพบว่าผู้ป่วยมีอัตราสูญเสียความทรงจำภายหลังการผ่าตัดลดน้อยลงหรือแทบจะไม่สูญเสียความทรงจำเลย
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยกับอาสาสมัครสูงอายุจำนวน 28 คนโดยให้ทุกคนดื่มน้ำทับทิมปริมาณ 237 มิลลิลิตรทุกวัน ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และผลการทดลองพบว่าอาสาสมัครทุกคนมีความจำในส่วนของการสนทนาและการมองเห็น(Verbal and Visual Memory)เพิ่มขึ้นและเมื่อเทียบจากการทดลองสารสกัดจากผลทับทิมในด้านป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในหนูทดลองก็ยิ่งทำให้นักวิจัยเชื่อกันว่า สารสกัดที่ได้จากผลทับทิมมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองในส่วนของความทรงจำได้จริง ๆ
7. ป้องกันอัลไซเมอร์
การทดลองในห้องแล็บของมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์สฟิลด์แสดงให้เห็นว่าสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin)ที่มีอยู่ในผลทับทิมสามารถยับยั้งการอักเสบในเซลล์สมองส่วนที่เรียกว่าMicrologia ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
โดยในการวิจัย Dr.Olumayokun Olajide และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์สฟิลด์และนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไฟรบูร์กได้ร่วมกันทำการทดลองโดยใช้เซลล์สมองของหนูทดลองมาใช้เพื่อหาข้อพิสูจน์ซึ่งผลที่ได้นั้นถูกตีพิมพ์ในวารสาร The Journal Molecular Nutrition and Food Researchว่าจากการทดลองทำให้เรามีความหวังที่จะนำสารสกัดจากผลทับทิมมาสกัดเป็นตัวยา และหากประสบความสำเร็จในอนาคตก็จะสามารถนำสารพูนิคาลาจิน(Punicalagin)มาผลิตเป็นตัวยาเพื่อช่วยรักษาอาการเซลล์สมองถูกทำลายยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
อย่างไรก็ตามนักวิจัยยังคงค้นคว้าต่อไปว่าจะต้องนำผลทับทิมปริมาณมากน้อยเพียงใดจึงจะสกัดเป็นตัวยาป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้เพราะในน้ำทับทิม100%จะมีปริมาณของสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin)อยู่แค่เพียงร้อยละ 3.4 เท่านั้นซึ่ง Dr.Olajide แนะนำว่าเพื่อให้ได้ประโยชน์จากทับทิมอย่างเต็มที่ควรจะบริโภคผลสดจะดีที่สุดเพราะนอกจากจะช่วยยับยั้งโรคอัลไซเมอร์แล้วยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของระบบประสาทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภาวะสมองเสื่อมอีกด้วย
8. ป้องกันการอักเสบในช่องท้อง
การศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสารพูนิคาลาจิน(Punicalagin)จากผลทับทิมมีส่วนช่วยลดเซลล์อักเสบอันเป็นต้นเหตุของอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารตั้งแต่ส่วนกระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญ
9. ลดน้ำตาลในเลือด
สารชีวเคมีที่พบในดอกทับทิม เมล็ดทับทิม และเปลือกทับทิมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดโดยสารสำคัญจากผลทับทิมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมน้ำตาลในเลือดและการหลั่งอินซูลินในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อีกทั้งยังมีหน้าที่ยับยั้งการดูดซึมและการสร้างกลูโคสรวมไปถึงช่วยยับยั้งเอนไซม์กลูโคซิเดสและกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนให้ทำงานได้อย่างสมดุลกันอีกด้วย
10. ป้องกันโรคมะเร็ง
กรดเอลลาจิกที่พบในทับทิมมีฤทธิ์ต้านมะเร็งในเนื้อเยื่อหลายชนิดเช่นลำไส้ทางเดินอาหาร ตับ ปอด ลิ้น และผิวหนังโดยมีฤทธิ์กระตุ้นการเกิดกระบวนการตายของเซลล์มะเร็ง(Apoptosis)บางชนิดรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านสารก่อมะเร็งเนื่องจากในผลทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูงและยังเป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดจึงช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อาจจะเกิดเป็นเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งต้องอาศัยกระบวนการอื่นๆร่วมด้วยถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายไม่สูบ ไม่ดื่ม และพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นต้น
และนอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพดังกล่าวแล้วทับทิมยังจัดเป็นสมุนไพรรักษาโรคอีกชนิดหนึ่งที่มีตำรับตัวยามาตั้งแต่สมัยโบราณโดยสรรพคุณทางยาของทับทิมก็มีดังนี้ค่ะ
สรรพคุณของทับทิม สมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ไม่ควรมองข้าม
- รักษาอาการอุจจาระร่วง
ตำรับยาที่มีเปลือกผลทับทิมเป็นส่วนประกอบสามารถรักษาอาการท้องเสียในเด็กและทารก 305 คนโดยอาการหายไปภายใน 1-3 วัน จำนวน 281 คนและมีอาการดีขึ้น 9 คนทั้งนี้งานวิจัยในเว็บไซต์สำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดลได้อธิบายไว้ว่าสารสกัดเปลือกผลทับทิมที่ได้จากการต้มกับน้ำแล้วสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 95 หรือเอทานอลร้อยละ 50 มีฤทธิ์ลดความถี่ของการถ่ายอุจจาระและยับยั้งการหลั่งสารของลำไส้ในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุจจาระร่วงด้วยน้ำมันละหุ่ง,แมกนีเซียมซัลเฟต, เซนโนไซด์ บี และ Misoprostol ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ตำรับยาโบราณที่ใช้ทับทิมแก้ท้องร่วงก็มีอยู่เช่นกันโดยให้นำเปลือกผลทับทิมประมาณ 1/4 มาล้างให้สะอาดและตากให้แห้ง จากนั้นนำมาฝนกับน้ำหรือน้ำปูนใสข้น ๆ รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะหรือนำเปลือดทับทิมตากแห้งไปต้มกับน้ำปูนใสแล้วกรองผ้าขาวบางนำมาดื่มก็ได้เช่นกันหรือสูตรแก้ท้องเสียตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข(สาธารณสุขมูลฐาน)แนะนำให้นำเปลือกทับทิมมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วดื่มน้ำทับทิมครั้งละ1-2ช้อนชาทุก4ชั่วโมง(สำหรับเด็ก)แต่หากเป็นผู้ใหญ่ให้ดื่มน้ำทับทิมครั้งละ1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง
- เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลม
วิธีใช้ผลทับทิมถ่ายพยาธิดังกล่าวก็ให้ใช้เปลือกสดของรากหรือต้นทับทิมที่เก็บใหม่ๆ ประมาณ 60 กรัม หรือราว ๆ 1/2 กำมือ เติมกานพลูหรือกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อแต่งรส ต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (30 ซี.ซี.) หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงรับประทานยาถ่ายเช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะตามและควรอดอาหารก่อนรับประทานยาเพียงเท่านี้ก็จะช่วยถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้แล้ว
- แก้อาการปวดบิด ปวดเบ่ง
ให้ใช้เปลือกแห้งของทับทิมครั้งละ 1 กำมือ (3-5กรัม)ต้มกับน้ำดื่มวันละ2ครั้งโดยอาจใช้กานพลูหรืออบเชยแต่งกลิ่นให้ดื่มง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้สรรพคุณของทับทิมยังใช้ได้เกือบทั้งต้นเลยนะคะโดนใบทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำยาล้างตาได้ดอกทับทิมช่วยห้ามเลือดได้ส่วนเมล็ดทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้รสหวาน หรือมีรสเปรี้ยวอมหวานมีวิตามินซีและแร่ธาตุหลายตัวช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันโรคลักปิดลักเปิดและบำรุงฟันให้แข็งแรง
ทับทิม ก็มีข้อเสียและข้อควรระวัง
บางคนทานทับทิมแล้วจะมีอาการแพ้ เช่น เกิดผื่นลมพิษลิ้นบวม ริมฝีปากบวม คันตา ตาแดง ระคายเคืองจมูกแต่หากอาการแพ้นั่นรุนแรงมากๆ อาจทำให้มีอาการหอบหืดหรือหายใจไม่ออกได้เลย นอกจากนี้คนที่มีอาการความดันโลหิตต่ำไม่ควรทานทับทิมเพราะทับทิมมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต อาจทำให้ความดันโลหิตยิ่งต่ำลงไปอีก
แหล่งที่มา
:https://health.kapook.com/view4905.html
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ของทับทิม
ทับทิมเป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 4-6เมตรทรงพุ่มโปร่งมีหนามแหลมตามกิ่งก้านใบเดี่ยวขนาดเล็กรูปใบยาวปลายแหลมโคนสอบแคบ ปลายใบกว้างใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกันดอกของทับทิมออกตามปลายกิ่ง ดอกมีสีแดงหรือสีขาวและมีทั้งแบบดอกเดี่ยวและเป็นช่อดอกโดยกลีบดอกจำนวนเท่าๆกับกลีบรองผลกลมโตผิวนอกแข็งเป็นมัน สีเขียวอมเหลืองสีแดงอมน้ำตาลหรือสีทับทิมเมื่อแก่จะแตกอ้าออกเมล็ดมีเนื้อเยื่อใสสีขาวอมชมพูหรือสีแดงหุ้มอยู่ มีรสเปรี้ยวอมหวาน
ทั้งนี้ชื่อวิทยาศาสตร์ของทับทิมคือ Punica granatum Linn.เป็นพืชในวงศ์PUNICACEAE และทับทิม ภาษาอังกฤษจะเรียกว่าPomegranate นอกจากนี้ทับทิมยังมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นด้วยนะคะ เช่น พิลา(หนองคาย) พิลาขาว มะก่องแก้ว(น่าน) มะเก๊าะ(เหนือ) หมากจัง(แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น
- เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลม
No comments:
Post a Comment